ซีรี่ย์ ญี่ปุ่น 1 Litre of Tears บันทึกน้ำตา 1 ลิตร

บันทึกน้ำตา 1 ลิตร 1 Litre of Tears ซีรีย์ สุดซึ้ง ประทับใจ ให้กำลังใจทุกคนที่สู้ชีวิต








1 Litre of Tears พากย์ไทย 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ตอนจบ เครดิต tansiamcafe2
1 Litre of Tears ภาคพิเศษ Special (Sub Eng) 1 2 3 4 5 6 7 8 เครดิต mysoju.com


1 Litre of Tears subไทย
1 Litre of Tears 1 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 2 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 3 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 4 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 5 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 6 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 7 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 8 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 9 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 10 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 11 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 12 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 13 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 14 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 15 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 16 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 17 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 18 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 19 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 20 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 21 (ซับไทยโดย freeze)
1 Litre of Tears 22 (ซับไทยโดย freeze) เครดิต Penako


1 Litre of Tears

นำเสนอทาง
: ช่อง ไทยพีบีเอส
ออกอากาศ : วันจันทร์ อังคาร เวลา 20.30 น.
เริ่มออกอากาศ : วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2551

เรื่องย่อ

ละครเรื่อง 1 Litre of Tears สร้างขึ้นมาจาก ไดอารี่ 1 Litre of Tears ที่ คิโตะ อายะ เด็กผู้หญิงที่ต่อสู้กับโรคร้ายมาตลอดได้บันทึกไว้ เป็นหนังสือที่เอาไดอารี่ของเธอทั้ง 46 เล่มมาสรุปและพิมพ์จำหน่ายในชื่อ 1 Litre of Tears ที่ทำให้ทุกคนประทับใจและจำหน่ายได้ถึง 1.2 ล้านเล่ม และหลังจากที่ละครเรื่องนี้ฉายเป็นละครแล้ว ยอดจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นถึง 1.8 ล้านเล่ม ตอนสิ้นปี 2548

และไดอารี่ 1 Litre of Tears นี้ยังได้สรุปบันทึกที่ คิโตะ ชิโอกะ แม่ของอายะ เขียนเอาไว้ในเรื่อง "อุปสรรคของชีวิต" รวมอยู่ในไดอารี่ 1 Litre of Tears นี้ด้วย และวันที่ 23 พฤษภาคม 1988 อายะ ทิ้งความประทับใจเอาไว้ในโลกนี้ และเดินทางสู่สรวงสรรค์ รวมอายุได้ 25 ปี ละครเรื่อง 1 Litre of Tears นี้ เป็นละครชีวิตที่ให้กำลังใจกับคนญี่ปุ่นสมัยนี้ โดยในละครเรื่องนี้ ได้แทนนามสกุลจริง คิโตะ เป็น นามสกุล อิเคอูจิ

"ฉันมีชีวิตต่อเพื่ออะไรกันนะ" นี่คือ ประโยคหนึ่งจาก ไดอารี่ 46 เล่ม ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเขียนไว้ตลอด ระยะเวลาที่ต่อสู้กับโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษานี้ คิโต อายะ เกิดปี 1962 เป็นโรคที่ชื่อว่า Spinocerebellar Degeneration ซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ในตอนอายุ 14 ปี เป็นโรคที่รักษาได้ยาก อาการของโรคจะทำให้สมองส่วนการรับรู้ จะยังทำงานเป็นปกติ แต่จะค่อยๆเสื่อมลง และควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละอย่าง ซึ่งไดอารี่ทั้ง 46 เล่มนี้ ก็คือบันทึกการต่อสู้กับโรคตั้งแต่เริ่มมีอาการ จนถึงตอนที่อายะไม่สามารถ ควบคุมแขนของตัวเองให้เขียนได้ เสมือนเป็นเสียงตะโกนที่ร้องขอการมีชีวิตอยู่ต่อ จากส่วนลึกของหัวใจเธอ

"โรคนี้ทำไมถึงเลือกฉันนะ" นี่คืออีก ประโยคหนึ่งจาก ไดอารี่ 46 เล่ม ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งทั้งๆ ที่เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่ก็ยังพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปกับโรคร้ายนั้น ทุกๆ วันที่ถูกรายล้อมไปด้วย ความรักทั้งของครอบครัว และคนรัก และเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือ ร้องไห้และหัวเราะด้วยกัน อยากใช้ชีวิตกันต่อไป เป็นละครชีวิตที่ให้กำลังใจกับคนญี่ปุ่นสมัยนี้

"ร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งลิตร" เป็นอีก คำพูดหนึ่งที่ คิโตะ อายะ ได้พูดกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย ตอนที่จะลาออกจากโรงเรียนไปอยู่ที่โรงเรียนคนพิการ เนื่องจากไม่อยากทำให้เพื่อนทุกคน ในห้องต้องลำบากใจ เพราะเพื่อนๆ ในห้องส่วนใหญ่กลัวจะเรียนไม่ทัน จะสอบต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะอาจารย์ต้องสอนช้าลง เพื่อให้ อายะ สามารถจดตามได้ทัน เนื่องจากเมื่ออายะ เป็นโรคนี้แล้ว ช่วงแรกก็ยังพอเดินได้ปกติ แต่หลังจากนั้นก็เดินได้ยากขึ้น จนในที่สุดเวลาจะเดินต้องนั่งรถเข็น และเวลาเขียนก็ไม่สามารถเขียนได้เร็วเท่าคนปกติ โดยที่จริงๆแล้ว อายะ ไม่อยากจะไปที่โรงเรียนคนพิการ แต่อยากจะอยู่ที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องลำบากเพราะตนเอง จึงได้ตัดสินใจลาออก โดยที่เธอได้บอกกับเพื่อนๆว่า กว่าเธอจะตัดสินลาออกได้ ต้องนอนร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งลิตร

โรค Spinocerebellar Degeneration คือ โรคที่ยังไม่สามารถรักษาได้ อาการของโรคจะทำให้สมองส่วนการรับรู้ จะยังทำงานเป็นปกติ แต่จะค่อยๆ เสื่อมลง และควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละอย่าง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้แต่ละคนจะแตกต่างกันไป

บางคนเมื่อเริ่มเป็นโรคนี้อาการจะค่อยๆเป็นหนักขึ้นอย่างช้าๆ แต่สำหรับบางคนอาการของโรคทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มทำให้ขาเดินได้ลำบาก จนต่อมาจะเดินไม่ได้ แขนและมือที่เคยจับเขียนได้ก็จะค่อยๆ จับและเขียนลำบาก จนสุดท้ายก็จะเขียนไม่ได้

การรับประทานอาหารก็จะลำบากขึ้นและจะสำลักบ่อยครั้ง บางคนอาจถึงตายได้เนื่องจากอาหารติดคอ ผู้ป่วยจะต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ เพราะยิ่งอาการหนักขึ้นเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เองมากขึ้นเท่านั้น เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร และยังไม่สามารถรักษาจนถึงปัจจุบัน ทำได้เพียงพยายามชลอให้อาการทรุดหนักช้าลง เท่านั้น





คำคมในเรื่อง

ตอนที่ 1 เริ่มต้นสู่วัยรุ่น
“ชีวิตของฉันก็เปรียบเหมือนดอกไม้ที่ยังตูมอยู่ ช่วงเริ่มต้นวัยรุ่นของฉัน อยากใช้ชีวิตอย่างที่ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง”

ตอนที่ 2 อายุ 15 ปี โรคปิศาจที่แฝงมา
“แม่คะ ในใจของหนูมีคุณแม่ที่คอยเชื่อในตัวหนูอยู่ตลอด หลังจากนี้ก็ขอฝากตัวเ้วยนะคะ ขอโทษที่ทำให้ลำบากอยู่เสมอ”


ตอนที่ 3 โรคนี้…ทำไมถึงเลือกฉันนะ
“โรคนี้ทำไมถึงเลือกฉันนะ ถึงจะบอกว่าก็เพราะโชคชะตา แต่ก็ยังทำใจให้ยอมรับไม่ได้”

ตอนที่ 4 ความโดดเดี่ยวของสองคน
“ฉันอยากสร้างเครื่องย้อนเวลาและกลับไปในอดีต ถ้าไม่ได้เป็นโรคนี้ก็คงจะมีความรักได้ อยากจะคุกเข่าขอร้องให้ใครสักคนมาช่วย ฉันจะทนต่อ…ไม่ไหวแล้ว”

ตอนที่ 5 หนังสือประจำตัวคนพิการ
“จะไม่พูดว่าอยากกลับไปวันนั้นอีกแล้ว จะยอมรับตัวเองตอนนี้และมีชีวิตอยู่ต่อไป”

ตอนที่ 6 สายตาที่เย็นชา
“บางครั้งรู้สึกเหมือนถูกสายตาที่เย็นชาทำร้าย แต่ก็ได้รู้ว่ายังมีสายตาที่อ่อนโยนอยู่ด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่หนีเด็ดขาด ถ้าเป็นอย่างนั้น สักวันหนึ่งก็คง…”

ตอนที่ 7 ที่อยู่ของฉัน
“ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ฉันก็ยังอยากอยู่ที่นี่ เพราะนี่คือที่ที่ฉันอยู่”

ตอนที่ 8 1 litre of tears
“ถึงจะล้มกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ลุกขึ้นใหม่ได้ ถ้าล้มแล้วมองไปบนท้องฟ้าที่สดใส ฟ้าก็ยังคงกว้างอย่างหาที่สุดมิได้เหมือนเดิม และยังคงยิ้มให้กับเราเสมอ…ฉันยังมีชีวิตอยู่”

ตอนที่ 9 ชีวิตในตอนนี้
“คงไม่ใช้ใช้ชีวิตในอดีต แต่ต้องใช้ชีวิตในตอนนี้เท่าที่จะทำได้ก็พอ”

ตอนที่ 10 Love Letter
“ความเป็นจริงช่างโหดร้ายเหลือเกิน แม้แต่จะฝันก็ยังทำไม่ได้ และเมื่อคิดถึงอนาคต น้ำตาก็จะไหลออกมาอีก”

ตอนสุดท้าย ไปแสนไกล สู่ที่น้ำตาเลือนหาย
“มีชีวิตอยู่ต่อไปนะ”

ส่งท้ายกันด้วย คำไว้อาลัยให้กับอายะจากคุณแม่ของอายะ

“…แต่ว่านะอายะ เป็นเพราะหนูทำให้
มีคนคิดเรื่องมีชีวิตอยู่ได้หลายคน
มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอยู่แบบธรรมดาทุกวัน
และได้รู้สึกถึงความอบอุ่น
ได้รู้ถึงความมีน้ำใจของคนที่อยู่ใกล้ตัวเอง

คนที่เป็นโรคเดียวกันแล้วทรมาน
ก็ได้รู้ว่าไม่ใช่มีแต่ตัวเองคนเดียวเท่านั้น
ที่หนูเสียน้ำตาไปมากมายนั้น
และคำพูดของหนูที่เกิดจากสิ่งนั้น
ได้ส่งไปถึงใจของคนหลายๆคน

อายะ…
อยู่ที่โน่น ไม่ได้ร้องไห้แล้วนะ
แม่น่ะ อยากเห็นลูกตอนที่ยิ้มอีกครั้ง…”

เครดิต พันทิพ เด็กดี


6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ29 พฤศจิกายน, 2552

    ผมชอบเรื่องนี้มากๆเลยครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ05 ธันวาคม, 2552

    นางเอกร้องไห้ได้ลิตรเด่ว

    แต่นางเอกนอกจอ

    สามลิตรเห็นจะได้

    เศร้ามากกกกกกก

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ08 กรกฎาคม, 2553

    ありがとう

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ26 พฤศจิกายน, 2553

    悲しくて涙が止まらないTT

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ25 พฤษภาคม, 2554

    ดูกี่ทีก็ร้องไห้ตลอด เป็นเรื่องแรกที่ทำให้ร้องไห้ได้

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ25 กรกฎาคม, 2554

    ร้องไห้ครับ

    ตอบลบ